บังคับใช้ 1 ต.ค.นี้ ! ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ เช็กจังหวัดไหนได้สูงสุด

คณะรัฐมนตรีไฟเขียวค่าแรงขั้นต่ำ ทั่วราชอาณาจักร สูงสุดอยู่ที่ 354 บาท/วัน มีผลบังคับใช้ 1 ตุลาคมนี้

นายน้องชาย บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกฯข้างการบ้านการเมือง ทำหน้าที่พิธีกรประจำนร แถลงความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี (คณะรัฐมนตรี) ทราบประกาศคณะกรรมการค่าตอบแทน เรื่อง “อัตราค่าแรงอย่างต่ำ” (ฉบับที่ 11) ระบุวันที่ 1 ก.ย. 2565 โดยระบุ “อัตราจ้างแรงงานอย่างน้อย”ทั่วทั้งประเทศอยู่ที่ 328 – 354 บาท/วัน มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 เดือนตุลาคม 2565

อัตราค่าแรงแรงงานอย่างน้อยปี 2565 ดังต่อไปนี้

354 บาท/วัน ปริมาณ 3 จังหวัดอาทิเช่น จังหวัดชลบุรี จังหวัดภูเก็ต รวมทั้งจังหวัดระยอง
353 บาท/วัน ปริมาณ 6 จังหวัด ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดกรุงเทพ จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ และก็จังหวัดสมุทรสาคร
345 บาท/วัน ปริมาณ 1 จังหวัดเป็น ฉะเชิงเทรา
343 บาท/วัน ปริมาณ 1 จังหวัดเป็น จังหวัดอยุธยา
340 บาท/วัน ปริมาณ 14 จังหวัด ดังเช่นว่า กระบี่ ขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตราด จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดพังงา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสงขลา จังหวัดสระบุรี สุพรรณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดหนองคาย รวมทั้งจังหวัดอุบลราชธานี
338 บาท/วัน ปริมาณ 6 จังหวัด ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดกาฬสินธุ์ เมืองจันท์ จังหวัดนครนายก จังหวัดมุกดาหาร จ.สกลนคร รวมทั้งจังหวัดสมุทรสงคราม
335 บาท/วัน ปริมาณ 19 จังหวัด เช่น จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดนครพนม จังหวัดนครสวรรค์ บ่อน้ำรอยแดง จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดพะเยา จังหวัดพัทลุง เพชรบุรี พิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สระแก้ว จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดอ่างทอง และก็จังหวัดอุตรดิตถ์
332 บาท/วัน ปริมาณ 22 จังหวัด เช่น จังหวัดกำแพงเพชร ชัยภูมิ จังหวัดชุมพร จังหวัดเชียงราย จังหวัดตรัง ตาก นครศรีธรรมราช จังหวัดพิจิตร แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน จังหวัดระนอง จังหวัดราชบุรี จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสตูล จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสุโขทัย หนองบัวลำภูเขา อำนาจรุ่งโรจน์และก็จังหวัดอุทัยธานี
328 บาท/วัน ปริมาณ 5 จังหวัด ดังเช่นว่า จังหวัดนราธิวาส น่าน จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และก็จังหวัดอุดรธานี
ดังนี้ สำหรับในการใคร่ครวญระบุอัตราจ้างอย่างต่ำ คณะกรรมการ ฯ ได้นึกถึง ดรรชนีค่ายังชีพ อัตราเงินเฟ้อ มาตรฐานการครองชีพ เงินลงทุนการสร้าง ราคาของผลิตภัณฑ์แล้วก็บริการ ความรู้ความเข้าใจของธุรกิจ ผลิตภาพแรงงาน ผลิตภัณท์มวลรวมของประเทศ (GDP) รวมทั้งภาวะทางด้านเศรษฐกิจและก็สังคม ยิ่งไปกว่านี้ การพินิจพิเคราะห์ยังอยู่บนรากฐานความเท่าเทียมและก็ฟังความเห็นของทุกฝ่าย ซึ่งผลของการไตร่ตรอง เป็นที่ยอมรับด้วยกันของทุกฝ่ายแล้ว เพื่อ ให้ ผู้ว่าจ้างสามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้ รวมทั้งผู้รับจ้างสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข โดยเชื่อถือว่า จะไม่เป็นปัญหาในการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หรือส่งผลทำให้ราคาผลิตภัณฑ์แล้วก็อัตราเงินเฟ้อ ปรับนิสัยสูงมากขึ้น จนถึงส่งผลเสียต่อภาวการณ์การเลี้ยงชีพของพสกนิกรโดยธรรมดา